วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โครงงานเรื่อง EM Ball

EM BALL






ประโยชน์ของจุลินทรีย์ใน EM Ball

- ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในดินและน้ำ 
- ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศผ่านได้ดี 
- ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เพื่อให้เป็นปุ๋ยเป็นแก่อาหารพืช
- ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากฟาร์มปศุสัตว์ ไก่และสุกร ได้ภายในเวลา 24 ชม. 
- ช่วยกำจัดน้ำเสียจากฟาร์มได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ 
- ช่วยกำจัดแมลงวัน โดยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวันไม่ให้เข้าดักแด้เกิดเป็นตัวแมลงวัน 
- ช่วยป้องกันอหิวาห์และโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ ได้ 
- ช่วยปรับสภาพน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือน โรงงาน โรงแรมหรือแหล่งน้ำเสีย 
- ช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หมักหมมมานานได้ 










วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

EM BALL

โครงงานEm ball

นาย สิปปภาส วัฒนภินันท์ชัย เลขที่ 3
นาย นรวีร์ สุทัศน์ ณ อยุธยา เลขที่ 4
นาย พีร์ เพ็ชรรื่น เลขที่ 5
นาย ชาญณรงค์ สมพรไพลิน เลขที่ 7
นาย วรัญญู ศรีรักษา เลขที่ 12
นาย ภูมิพัฒน์ ยี่สุ่นแก้ว เลขที่ 14
นาย พลอธิป พิศภา เลขที่ 15

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

คำศัพท์ในข้อสอบ


  คำศัพท์                      คำแปล
1.   ministry             =  กระทรวง
2.   commerce         = พาณิชย์
3.   education          = การศึกษา
4.   technology        = เทคโนโลยี
5.  patent               =   สิทธิบัตร
6.   trade secrets     = ความลับทางการค้า
7.   piracy               =  การละเมิดลิขสิทธิ์
8.   trademark        =  เครื่องหมายการค้า
9.    flag                   =  ธง
10. drawing            = การวาดภาพ
11. imprisonment    =  การจำคุก
12. facility              =  สิ่งอำนวยความสะดวก
13. production       = การผลิต
14. product            =  สินค้า
15. Copy              = คัดลอก
16. foreign            = ต่างประเทศ
17. public             =  สาธารณะ
18. picture           = ภาพ
19. People           = ประชาชน
20. Student          = รักเรียน


วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การแนบไฟล์ใส่บล็อค

1.) สร้างงานด้วย Microsoft Office Word 


1.1 เขียนชื่อผู้จัดทำ
1.2 เขียนหัวข้อเรื่องที่ทำ
1.3 นำเนื้อหาและรูปภาพประกอบมาจัดให้สวยงาม
1.4 ประโยชน์ของ Web browser


2.) แปลงไฟล์ Word ที่เราทำงานเป็นไฟล์ pdf

ข้อมูล - http://reg2.pwa.co.th/KM/pdf/OpenSource/PDFCreator.pdf
หรือ ดาวน์โหลด http://www.pdfforge.org/







   


3.) นำไฟล์ pdf อัพโหลดขึ้น www.slideshare.net

3.1 สมัครคลิก Signup
3.2 กรอกข้อมูลแล้วคลิก Sign up
3.3 คลิก Log in
3.4 กรอกข้อมูลแล้วคลิก Log in
3.5 อัพ ไฟล์ที่ได้ขึ้น www.slideshare.net
3.6 Copy Embed ของไฟล์เรา

4.) นำไฟล์ pdf จาก slideshare ไปที่ 

           blogger ของตัวเอง


4.1 เลือกปุ่ม "บทความใหม่"
4.2 เลือกเป็น HTML
4.3 วาง Embed ที่ได้มาลงไป 
4.4 เลือกเป็น เขียน
4.5 คลิก "เผยแพร่"






ใบงานที่ 4


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่3


กูเกิล โครม (อังกฤษ: Google Chrome) เป็นซอฟต์แวร์เว็บเบราว์เซอร์แบบโอเพนซอร์ซ พัฒนาโดยกูเกิล ใช้เว็บคิตเป็นเรนเดอริงเอนจินสำหรับวาดหน้าจอ และนำบางส่วนจากเว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์มาพัฒนาต่อโครมมีให้ดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานสำหรับวินโดวส์ และมีภาษาที่ให้ใช้ได้มากกว่า 50 ภาษารวมถึงภาษาไทย รุ่นสำหรับแมคโอเอส และ ลินุกซ์ นั้นกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเปิดให้ทดสอบในอนาคต

ท่องเว็บได้เร็วขึ้น


ค้นหาทันใจ

ค้นหาและนำทางได้จากช่องเดียวกัน เลือกจากผลการค้นหาและคำแนะนำที่ปรากฏขณะพิมพ์ รวมถึงการค้นหาล่าสุดและเว็บไซต์ที่เคยเข้าชม คุณจึงสามารถไปยังที่ที่ต้องการได้ทันที ค้นหาจากแถบอเนกประสงค์


พิมพ์น้อยลงหากคุณเหนื่อยกับการป้อนข้อมูลเดิมๆ ลงในแบบฟอร์มบนเว็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า การป้อนข้อความอัตโนมัติจะช่วยให้คุณกรอกฟอร์มได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังทำงานได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท คุณจึงไม่ต้องพิมพ์บนหน้าจอเล็กๆ อีกต่อไป เริ่มใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติ
ทำสิ่งที่ค้างไว้ต่อจากคราวที่แล้วChrome ดึงแท็บที่เปิดไว้ บุ๊กมาร์ก และการค้นหาล่าสุดจากคอมพิวเตอร์ของคุณไปยังโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต และในทางกลับกัน ทำให้ประสบการณ์บนเว็บทั้งหมดของคุณอยู่บนอุปกรณ์ทุกเครื่องที่คุณใช้ เพียงลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ เพื่อเริ่มซิงค์ เรียนรู้เพิ่มเติม




ปรับเปลี่ยน Chrome ในแบบของคุณท่องเว็บในแบบที่คุณต้องการโดยใช้ธีมของ Chrome รวมทั้งแอปและส่วนขยาย ตรงไปยังเว็บโปรดของคุณได้ทันทีโดยใช้บุ๊กมาร์กและหน้าเริ่มต้น เมื่อคุณตั้งค่า Chrome แล้ว ค่าที่คุณกำหนดเองจะซิงค์กันในทุกอุปกรณ์ เริ่มกำหนดค่าเอง


วิธีใช้ Google Chrome



อ้างอิง
https://www.google.com/chrome/browser/desktop/index.html


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A5_%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1




วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 2 ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้


1.เว็บเบราเซอร์ (web browser) หมายถึง

อะไร


สรุปจากคำอธิบายศัพท์คำนี้อย่างสั้นๆ ก็จะได้ว่า “บราวเซอร์” ย่อมาจากคำเต็มว่า “เว็บบราวเซอร์” ซึ่งหมายถึง แอพพลิเคชัน (ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้งานเฉพาะทาง) ที่ใช้สำหรับสืบค้น(browse) และแสดงหน้าเว็บ (webpage) ต่างๆ ที่อยู่ในเว็บเซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เน็ต โดยบราวเซอร์ยอดนิยมจะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกันคือ Internet Explorer และ Firefox ซึ่งบราวเซอร์พวกนี้จะสามารถแสดงผลหน้าเว็บที่จัดทำออกมาในรูปแบบของมัลติมี เดีย (ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ) ได้อย่างสมบูรณ์





เวลาถามว่า บราวเซอร์ คืออะไร? คำตอบส่วนใหญ่ก็จะตอบสั้นๆ ง่ายๆ ได้ว่า “โปรแกรมดูเว็บ” แค่นี้ก็จบแล้ว แต่อยากให้ลองชมคลิปข้างล่างนี้ว่า “What is a browser?” คำตอบที่ได้จะเป็นอะไรบ้าง? ต้องลองดูจากคลิปที่นำมาฝากกันแล้วล่ะครับ




หลายคนยังไม่เข้าใจ หรือรู้จักคำว่า Browser ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ตัว หรือใช้งานอยู่ทุกวัน บางคนยังคิดว่า มันคือ Google หรือ Search (เพราะคำว่า “ค้นหา” ความหมายใกล้เคียงกับคำว่า สืบค้น(browse)) บ้างก็ไม่รู้จัก Chrome ทั้งๆ ที่เพิ่งยิงโฆษณาทางทีวีไปแล้วด้วยซ้ำ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า บ่อยครั้งที่พวกเรามักจะคิดไปเองว่า เข้าใจเรื่องต่างๆ รอบตัวดีแล้ว แต่พอถูกถามถึงเรื่องใกล้ตัวส่วนใหญ่ก็จะอึ้งไปตามกัน ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี




2. การทำงานของเว็บเบราว์เซอร์

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอินเทอร์เน็ต กับ WWW คือสิ่งเดียวกัน แต่แท้ที่จริงแล้ว WWW เป็นเพียงบริการหนึ่งของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น อินเทอร์เน็ตยังมีบริการอื่นๆ อีกด้วย

     การทำงานของบริการ WWW นี้จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับบริการอื่นๆ ของอินเทอร์เน็ต คืออยู่ในรูปแบบไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ (client - server) โดยมีโปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ (web client) ทำหน้าที่เป็นผู้ร้องขอบริการ และมีโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server) ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ โปรแกรมเว็บไคลเอ็นต์ก็คือโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (web browser) นั่นเอง สำหรับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์นั้นจะถูกติดตั้งไว้ในเครื่องของผู้ให้บริการเว็บไซต์ การิดต่อระหว่างโปรแกรมเว็บบราวเซอร์กับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์จะกระทำผ่านโปรโตคอล HTTP (Hypertext Transfer Protocol) 



3. ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ มา 3 โปรแกรม








Google Chrome คือเว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างโดยกูเกิล เหมือนกับ Firefox อ่ะ แต่ เร็ว กว่า สวยกว่า ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงเวอชั่น 4 แล้ว ด้วยการใช้งานที่ง่าย ฟรี และติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วินาที ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย

- ช่องแถบสำหรับใส่ที่อยู่เว็บก็ใช้เป็นช่องค้นหาได้ด้วย
- สามารถตั้งเลือกค่าให้บุ๊คมาร์คในแต่ละเครื่องปรับตรงกันได้โดยอัตโนมัติ
- สามารถลากแท็บออกจากเบราว์เซอร์เพื่อสร้างหน้าต่างใหม่ และรวมหลายๆ แท็บไว้ในหน้าต่างเดียว
- แท็บทุกแท็บที่กำลังใช้ ทำงานอย่างอิสระในเบราว์เซอร์
- มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับการเข้าชมแบบส่วนตัว
- มีส่วนขยายให้เลือกติดตั้งเพิ่มลงไปตามต้องการ





วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อินเทอร์เน็ต (Internet)

อินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ดและสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้


ประวัติความเป็นมาของอินเทอเน็ตในประเทศไทย

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

การเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตของประเทศไทยมีจุดกำเนิดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่า "แคมปัสเน็ตเวอร์ก" ( Campus Network ) เครือข่ายดัง กล่าวได้รับการสนับสนุนจาก "ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ" ( NECTEC ) จนกระทั่งได้ เชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2535 พัฒนาการ ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ E-mail ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 โดยเริ่มที่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่" เป็นแห่งแรก และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทยและออสเตรเลียในช่วงเวลาต่อมา ในขณะนั้นยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อ แบบ On-line หากแต่เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ด้วย E-mail โดยใช้ระบบ MSHnet ละ UUCP โดยทางออสเตรเลียจะโทรศัพท์เชื่อมเข้ามาสู่ระบบวันละ 2 ครั้ง ในปีถัดมา NECTEC ซึ่งอยู่ภายใต้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ( ชื่อเดิมในขณะนั้น ) ได้จัดสรรทุนดำเนินโครงการ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสถาบันอุดมศึกษา โดยแบ่ง โครงการออกเป็น 2 ระยะ การดำเนินงานใน ระยะแรกเป็นการเชื่อมโยง 4 หน่วยงาน ได้แก่
- กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ระยะที่สองเป็นการเชื่อมต่อสถาบันอุดมศึกษาที่เหลือ คือ
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตธนบุรี
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยา เขตพระนครเหนือ
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่





เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2534 คณะทำงานของ NECTEC ร่วมกับกลุ่มอาจารย์และ นักวิจัยจากสถาบันอุดมศึกษาได้ก่อตั้งกลุ่ม NEWgroup ( NECTEC E-mail Working Group) เพื่อ ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้วย E-mail โดยยังคงอาศัยสถาบัน เทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นทางออกสู่อินเทอร์เน็ตผ่านทางออสเตรเลีย ปี พ.ศ.2538 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้เป็นปีแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology Year ) เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูลใน ขณะเดียวกันก็มีการดำเนินการจัดวางเครือข่ายความเร็วสูงโดยใช้ใยแก้วนำแสงเพื่อใช้เป็นสายสื่อสาร ไทยสาร เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 สำนักวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจร สื่อสารความเร็ว 9600บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตที่ "บริษัท ยูยูเน็ตเทคโนโลยี ประเทศสหรัฐอเมริกา" ภายใต้ข้อตกลงกับ NECTEC ในการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อร่วมใช้วงจรสื่อสาร จนกระทั่งในเดือนธันวาคมปีเดียวกันมีหน่วยงาน 6 แห่งที่ เชื่อมต่อแบบ On-lineโดยสมบูรณ์ ได้แก่ NECTEC ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครือข่ายที่ก่อตั้งมี ชื่อว่า "ไทยสาร" ( Thaisarn : Thai Social/scientific ,Academic and Research Network ) หรือ "ไทยสารอินเทอร์เน็ต" ในปี พ.ศ. 2536 NECTEC ได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 64 กิโลบิตต่อวินาทีจากการสื่สารแห่งประเทศไทยเพื่อ เพิ่มความสามารถในการขนส่งข้อมูล ทำให้ประเทศไทยมีวงจรสื่อสารระดับ ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ไทยสารอินเทอร์เน็ต 2 วงจร ในปัจจุบันวงจรเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ NECTEC ได้รับการปรับปรุงให้มีความ เร็วสูงขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่นั้นมาเครือข่ายไทยสารได้ขยายตัวกว้างขึ้น และมีหน่วยงานอื่นเชื่อมเข้ากับ ไทยสารอีกหลายแห่งในช่วงต่อ มากลุ่มสถาบันอุดมศึกษาประกอบด้วย สำนักวิทยบริการ จุฬาฯ ,สถาบันเทค- -โนโลยีแห่งเอเชีย,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้ร่วมตัวกันเพื่อแบ่งส่วนค่าใช้จ่ายวงจร สื่อสาร โดยเรียกชื่อกลุ่มว่า "ไทยเน็ต" ( THAInet ) สมาชิกส่วนใหญ่ของไทยสาร คือ สถาบันอุดมศึกษา กับหน่วยงานราชการบางหน่วย งาน และ NECTECยังเปิดโอกาสให้กับบุคลากรของหน่วยงานราชการที่ยังไม่มีเครือข่ายภายในเป็นของตัว เองมาขอใช้บริการได้ แต่ทว่ายังมีกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ตอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งบริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไปซึ่งไม่สามารถใช้บริการ จากไทยสารอินเทอร์เน็ตได้ ทั้งนี้เพราะไทยสารเป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัยที่ใช้เงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐภาย ใต้ข้อบังคับของกฏหมายด้านการสื่อสารจึงไม่สามารถให้นิติบุคคลอื่นร่วมใช้เครือข่ายได้




วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

การแทรกรูปภาพ

 การใส่รูปภาพ
การทำเว็บเพจในหนึ่งหน้า นอกจากจะมีข้อความแล้วยังต้องประกอบด้วยรูปภาพเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บเพจ นอกจากนี้แล้วรูปภาพยังสามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนกว่าข้อความ ดังคำกล่าวที่ว่า "หนึ่งภาพแทนพันตัวอักษร" การใส่รูปภาพในเอกสาร HTML นั้นคุณจะต้องเตรียมรูปภาพไว้ก่อนค่ะ โดยใช้แท็กสำหรับแสดงผลรูปภาพดังนี้ค่ะ

 รูปแบบแท็กการใส่รูปภาพ    <img src = "ชื่อภาพ">


 รูปแบบการใส่รูปภาพ

  <html>
  <head><title> 
....การใส่รูปภาพ....                         </title></head>
       <body>
          <img src = "lilies.jpg">
      
       </body>
  </html>
สำหรับแท็กการใส่รูปภาพ สามารถมี Attribute กำกับเพิ่มเติมได้้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดความกว้าง ความสูงของรูปภาพว่าเราต้องการให้แสดงขนาดกว้างและสูง เท่าไหร่ ซึ่งหากเราไม่ได้ระบุภาพจะมีขนาดเท่าขนาดของภาพต้นฉบับ นอกจากนี้เรายังสามารถใส่ขอบของภาพได้ด้วย ซึ่ง Attribute มีดังนี้

  ความกว้าง    width="ตัวเลขระบุความกว้าง"
  ความสูง       
height="ตัวเลขระบุความสูง"
 เส้นขอบ   border="ตัวเลขระบุความหนาของเส้นขอบ"


ตัวอย่าง    <img src = "lilies.jpg" width="200" height="150" border="1">
จากตัวอย่าง จะแสดงภาพขนาด 200x150 px. (หน่วยการแสดงผลภาพ แสดงเป็น Pixels) และ่มีขอบ หากไม่ต้องการให้แสดงเส้นขอบให้กำหนด border="0" (หากต้องการใ้ห้ขอบมีความหนามาก ระบุตัวเลขให้มาก)


วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

ใบงาน HTML


สรุปคำสั่งHTML  (5คำสั่ง)

<CENTER> ข้อความ </CENTER>              สั่งจัดให้ข้อความอยู่กึ่งกลาง

<HTML> </HTML>                                     คำสั่ง <HTML> คือคำสั่งเริ่มต้นในการเขียนโปรแกรม HTML และมีคำสั่ง                                                                                    </HTML>เพื่อบอกจุดสิ้นสุดโปรแกรม

<HEAD> </HEAD>                                      คำสั่ง <HEAD> คือคำสั่งบอกส่วนที่เป็นชื่อเรื่อง โดยมีคำสั่งย่อย <TITLE> อยู่                                                                              ภายใน

<TITLE> </TITLE>                                      คำสั่ง <TITLE> คือคำสั่งบอกชื่อเรื่อง จะไปปรากฏที่ Title Bar

<BODY> </BODY>                                      คำสั่ง <BODY> คือคำสั่งบอกส่วนเนื้อเรื่อง ที่จะถูกแสดงผลในเวปบราวเซอร์                                                                               ประกอบด้วยรูปภาพ ตัวอักษร ตาราง เป็นต้น

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 6


หลักการเขียนภาษา คอมพิวเตอร์ หมายถึง



ทฤษฎีของการออกแบบ และสร้างภาษา แนวคิดเกี่ยวกับภาษาฟอร์มัล รูปแบบ และคุณลักษณะทางไวยากรณ์เบื้องต้น ชนิด และโครงสร้างของข้อมูล โครงสร้างของการควบคุม และการเคลื่อนที่ของข้อมูล การพิจารณาเวลาในการประมวลผล อัลกอริทึมแบบขนาน การออพติไมซ์ การออกแบบ และสร้างลักษณะต่าง ๆ ของภาษา ลักษณะเฉพาะของภาษาแบบโครงสร้างบล๊อก แบบมอดูลาร์ แบบเชิงวัตถุ ประเภทของภาษาชุดคำสั่ง แบบกำหนดกระบวนการ และแบบไม่กำหนดกระบวนการ การวิเคราะห์ประโยคคำสั่งของภาษาคอมพิวเตอร์ ฝึกปฏิบัติการเขียน และทดสอบโปรแกรมด้วยภาษาปาสคาล ภาษาซี หรือภาษาระดับสูงอื่น ๆ

ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมหรือพัฒนาโปรแกรม มีขั้นตอนโดยสังเขปดังนี้

 -การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ (Problem Analysis and Requirement Analysis)
- การกำหนดและคุณสมบัติของโปรแกรม (Specification)
- การออกแบบ (Design)
- การเขียนรหัสโปรแกรม (Coding) 
-การคอมไพล์ (Compilation) 
-การทดสอบการทำงานของโปรแกรม (Testing) 
-การจัดทำเอกสาร (Documentation) 
-การเชื่อมต่อ (Integration)
- การบำรุงรักษา (Maintenance)
http://www.tice.ac.th/division/website_c/about/page2.htm


โปรแกรมแปลภาษา คืออะไร

คือ ซอฟต์แวร์หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่แปล Source Program ให้เป็น Object Program เนื่องจากภาษาระดับต่ำและภาษาระดับสูงเป็นภาษา
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถรับรู้ได้ จำเป็นต้องมีชุดคำสั่งที่ใช้เป็นตัวแปลภาษา
ให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อน ซึ่งโปรแกรมแปลภาษา



ตัวอย่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์


คอมไพเลอร์ (อังกฤษ: compiler) หรือ โปรแกรม

แปลโปรแกรม, ตัวแปลโปรแกรม  เป็น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าแปลงชุดคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์หนึ่ง ไปเป็นชุดคำสั่งที่มีความหมายเดียวกัน ในภาษาคอมพิวเตอร์อื่น

คอมไพเลอร์ส่วนใหญ่ จะทำการแปล รหัสต้นฉบับ (source code) ที่เขียนในภาษาระดับสูง เป็น ภาษาระดับต่ำ หรือภาษาเครื่อง ซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถที่จะทำงานได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม การแปลจากภาษาระดับต่ำเป็นภาษาระดับสูง ก็เป็นไปได้ โดยใช้ตัวแปลโปรแกรมย้อนกลับ (decompiler)คอมไพเลอร์ที่สมบูรณ์ตัวแรก คือ ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) ของ ไอบีเอ็มในปี ค.ศ. 1957 และ ภาษาโคบอล (COBOL) ก็เป็นคอมไพเลอร์ตัวแรก ๆ ที่สามารถทำงานได้บนหลาย ๆ สถาปัตยกรรมทางคอมพิวเตอร์ การพัฒนาตัวแปลภาษารุดหน้าอย่างรวดเร็ว และเริ่มมีรูปแบบที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อมา ในช่วงทศวรรษ 1960ผลลัพธ์ของการแปลโปรแกรม (คอมไพล์) โดยทั่วไป ที่เรียกว่า ออบเจกต์โค้ดจะประกอบด้วยภาษาเครื่อง (Machine code) ที่เต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับชื่อและสถานที่ของแต่ละจุด และการเรียกใช้วัตถุภายนอก (Link object) (สำหรับฟังก์ชันที่ไม่ได้อยู่ใน อ็อบเจกต์) สำหรับเครื่องมือที่เราใช้รวม อ็อบเจกต์เข้าด้วยกัน จะเรียกว่าโปรแกรมเชื่อมโยงเพื่อที่ผลลัพธ์ที่ออกมาในขั้นสุดท้าย เป็นไฟล์ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้สะดวก





Code Color Html

Code Color Html


AND

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 5

การเขียนผังงานคือ…




 ความหมายของผังงาน 

ผังงาน (Flowchart) คือ แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนขั้นแรกมาหลายปี โดยใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในการเขียนผังงาน เพื่อช่วยลำดับแนวความคิดในการเขียนโปรแกรม เป็นวิธีที่นิยมใช้เพราะทำให้เห็นภาพในการทำงานของโปรแกรมง่ายกว่าใช้ข้อความ หากมีข้อผิดพลาด สามารถดูจากผังงานจะทำให้การแก้ไขหรือปรับปรุงโปรแกรมทำได้ง่ายขึ้น

สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนผังงาน...




การเขียนผังงาน...



หลักการนำสัญลักษณ์ต่างๆ มาเขียนเป็นผังงาน (Flowchart)

เมื่อเรารู้และสามารถจำความหมายต่างๆ ของสัญลักษณ์ได้แล้ว ถัดมาเราจะมาดูกันว่าสัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้มีรูปแบบการใช้แบบไหน จากรูปต่อไปนี้คือการนำสัญลักษณ์ต่างๆ ไปใช้เขียนเป็นผังงาน (Flowchart) ครับ






EXAMPLE

Flowchart ตัวอย่างการใช้งานสัญลักษณ์






แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/programmingm42/kar-kheiyn-phang-ngan-flowchart  and
http://www.training.ami-solution.com/ami-knowledge/knowledge.php?cntid=71#.VRtQ6SOzJNc







วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 4

1.-การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลการิทึม(การเขียนรหัสจำลอง) หมายถึง
อัลกอริทึม (Algorithm) คือ กระบวนการ การทำงานที่ใช้การตัดสินใจ โดยนำหลักเหตุผลและคณิตศาสตร์มาช่วยเลือกวิธีการหรือขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย เป็นวิธีการที่ใช้แยกย่อยและเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการในการทำงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและแก้ไขปัญหา


 2.-เครื่องมือที่ใช้ในการจำลองความคิด

        

การจำลองความคิดเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนของการเลือกเครื่องมือและการออกแบบขั้นตอนวิธี
อาจจะออกมาในรูปแบบข้อความ หรือแผนภาพ เพื่อช่วยให้การแก้ปัญหาเป็นไปในทางเดียวกัน
ซึ่งพอจะสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ

      1. ข้อความหรือคำบรรยาย เป็นการเขียนเค้าโครงการบรรยายเป็นภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน
เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมแต่ละตอน ในบางครั้งอาจใช้คำสั่งของภาษา
ที่ใช้เขียนโปรแกรมได้

    ตัวอย่างที่ 1 การจำลองความคิดในการวางแผนไปโรงเรียน
        เริ่มต้น
             ตื่นนอน
             อาบน้ำแต่งตัว
            ไปโรงเรียน
        จบ 

    ตัวอย่างที่ 2  การจำลองความคิดในการหาผลบวก เลข 1 -  20
        เริ่มต้น
            1. กำหนดให้ N มีค่าเริ่มต้นเป็น 0
            2. กำหนดให้ K มีค่าเริ่มต้นเป็น 1
            3. นำค่า K มารวมกับค่า K เดิม ได้ผลลัพธ์เท่าไรไปเก็บไว้ที่ N
            4. นำค่า 1 มารวมกับค่า K เดิม ได้ผลลัพธ์เท่าไรไปเก็บไว้ที่ K
            5. เปรียบเทียบค่า K กับ 20 ถ้า K น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20
                ให้วนกลับไปทำในขั้น 3 และทำคำสั่งถัดลงมาตามลำดับ
                แต่ถ้า K มากกว่า 20 แสดงว่าได้คำตอบ
        จบ

       2. สัญลักษณ์ เครื่องหมายรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งใช้สำหรับสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน
โดยมีรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมหรือการเขียนผังงาน
เริ่มต้นและลงท้าย (terminal)
แทนจุดเริ่มต้นและลงท้ายผังงาน
การปฏิบัติงาน (process)
แทนจุดที่มีการประมวลผลคำสั่งใด ๆ
การตัดสินใจ (dicision)
แทนจุดที่เป็นเงื่อนไข ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
การนำข้อมูลเข้า - ออกโดยทั่วไป
(general input/output)
แทนจุดที่จะนำข้อมูลเข้าหรือออกจากระบบคอมพิวเตอร์
การแสดงข้อมูล (display)
แทนจุดที่แสดงข้อมูลทางจอภาพ
การทำเอกสาร (document)
แทนจุดที่แสดงข้อมูลทางเครื่องพิมพ์
จุดเชื่อมต่อ (connector)
แทนจุดเชื่อมต่อของผังงาน
ทิศทาง (flow line)
แทนทิศทางการทำงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับหัวลูกศร
***สัญลักษณ์เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนที่เรามักพบเห็นเป็นประจำ ในการเขียนผังงานเท่านั้น

การใช้สัญลักษณ์
คือ การนำเอาสัญลักษณ์ต่าง ๆ มาแทนความหมายและขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์
หรือลำดับคำสั่ง เมื่อจะเขียนโปรแกรมควรทราบวิธีการใช้สัญลักษณ์เพื่อให้เข้าใจไปในทางเดียวกัน

ทิศทางการเคลื่อนที่ ปกติใช้เส้นตรงประกอบกับหัวลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่
ในบางกรณีที่ไม่มีหัวลูกศรประกอบ ให้ถือทิศทางการเคลื่อนที่จากบนลงล่างหรือจากซ้ายไปขวา

การเชื่อมต่อระหว่างจุด  เพื่อแสดงจุดที่จะต้องปฏิบัติร่วมกันาจเขียนหัวลูกศรของทิศทาง
ให้มาบรรจบกัน หรือใช้สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทิศทางตัดกันก็ได้

การเชื่อมต่อหน้ากระดาษ   เพื่อแสดงจุดที่จะต้องปฏิบัติลำดับต่อไปที่ไม่ได้อยู่หน้าเดียวกัน
ควรใช้สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อหน้ากระดาษ

จุดที่ใช้สัญลักษณ์ในการตัดสินใจกรณีที่มีการกำหนดเงื่อนไข ต้องเขียนให้ชัดเจนว่า
ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขใด ก็ให้ทำกิจกรรมซ้ำอีก จนกว่าจะตรวจสอบว่าไม่ตรงตามเงื่อนไข
จึงกำหนดให้ไปทำงานในลำดับอื่นต่อไป

โปรแกรมโครงสร้าง คือ โปรแกรมที่ใช้รูปแบบพื้นฐานที่แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน
ของโปรแกรม ซึ่งกำหนดไว้เป็น 3 รูปแบบ ได้แก่

1. รูปแบบลำดับ 
     ขั้นตอนการทำงานที่เป็นไปตามลำดับก่อนหลัง แต่ละขั้นตอนจะถูกประมวลผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

2. รูปแบบทางเลือก
      โครงสร้างที่ต้องมีการตัดสินใจเลือกวิธีการประมวลผลขั้นต่อไป และจะมีบางขั้นตอนไม่ได้รับ
การประมวลผล ซึ่งอาจมีทางเลือก 2 ทางหรือมากกว่าก็ได้

3. รูปแบบทำซ้ำ  
      โครงสร้างที่มีขั้นตอนการทำงานบางขั้นตอนได้รับการประมวลผลมากกว่า 1 ครั้ง
แบบที่ 1 ตรวจเช็คเงื่อนไขก่อนแล้วจึงดำเนินการต่อไป
แบบที่ 2 ดำเนินการก่อนแล้ว ทำการตรวจเช็คเงื่อนไขทีหลัง


3.-รหัสลำลอง

รหัสลำลองหรือ pseudocode เป็นคำบรรยายที่เขียนแสดงขั้นตอนวิธี(algorithm) ของการเขียนโปรแกรม โดยใช้ภาษาที่กะทัดรัด สื่อสารกับโปรแกรมเมอร์ผู้เขียนโปรแกรม โดยอาจใช้ภาษาที่ใช้ทั่วไปและอาจมีภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประกอบ แต่ไม่มีมาตรฐานแน่นอนในการเขียน pseudocode  และไม่สามารถนำไปทำงานบนคอมพิวเตอร์โดยตรง(เพราะไม่ใช่คำสั่งในภาษาคอมพิวเตอร์) และไม่ขึ้นกับภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง นิยมใช้ pseudocode แสดง algorithmมากกว่าใช้ผังงาน เพราะผังงานอาจไม่แสดงรายละเอียดมากนักและใช้สัญลักษณ์ซึ่งทำให้ไม่สะดวกในการเขียน เช่นโปรแกรมใหญ่ ๆ มักจะประกอบด้วยคำสั่งต่างๆที่ใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจริงๆ เช่น begin…end, if…else, do…while, while, for, read และ print การเขียนรหัสจำลองจะต้องมีการวางแผนสำหรับการอ้างอิงถึงข้อมูลต่างๆที่จะใช้ในโปรแกรมด้วยการสร้างตัวแปร โดยใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) แทนการกำหนดค่าให้กำหนดตัวแปรนั้น




แหล่งที่มา : http://krunes.maepa.org/teach/Program/P_3.html
 AND https://sites.google.com/site/dutchyycom1gp/home/kar-thaythxd-khwam-khid-ni-kar-kaekhi-payha